นายธรรมศักดิ์ เศรษฐอุดม ผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่ การเงินและการลงทุน เอสซีจี (มหาชน) เปิดเผยว่าเอสซีจี ยอมรับว่า การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ทำให้เศรษฐกิจทั่วโลกเข้าสู่ภาวะถดถอยอย่างชัดเจน เอสซีจีจึงได้ปรับลดงบลงทุนปีนี้  ลง10,000 ล้านบาท หรืออยู่ที่ 55,000-65,000 ล้านบาท จากเดิมอยู่ที่ 60,000-70,000 ล้านบาท และ หากการแพร่ระบาดของโควิด-19 รุนแรงมากกว่าท่ีเกิดขึ้นในขณะนี้  ก็มีโอกาสที่เอสซีจี จะพิจารณาปรับลดแผนการลงทุนลงได้อีกตามความเหมาะสมในแต่ละช่วงเวลา  เพราะยังไม่รู้ว่าสถานการณ์การแพร่ระบาด จะขยายวงเพ่ิมขึ้นมากน้อยเพียงใด เพราะเหตุการณ์นี้ิได้สร้างความผันผวนทางเศรษฐกิจไปท่ัวโลก จึงต้องมีความระมัดระวังในการลงทุนให้มากขึ้น

                   นายรุ่งโรจน์ รังสิโยภาส กรรมการผู้จัดการใหญ่ เอสซีจี กล่าวว่า เอสซีจี ได้เตรียมปรับประมาณการยอดขายตลอด ทั้งปีลดลง เนื่องจากความต้องการของตลาด ที่ลดลงเป็นหลักส่งผลให้ปริมาณการผลิตลดลงตามไปด้วย ประกอบกับราคาขายของสินค้าที่ลดลง ซึ่งเอสซีจีมีความพยายามอย่างเต็มที่ ในการปรับรูปแบบการบริหารจัดการเพื่อไม่ให้ส่งผลกระทบต่อการจ้างงาน โดยยืนยันยังไม่มีแผนลดกำลังการผลิต และยังไม่มีแผนปรับลดการจ้างงานลง

              “ขณะนี้โควิด-19 มีความรุนแรง ที่ยังไม่รู้ว่าจะจบลงเมื่อไหร่ รู้แต่ว่าการแพร่ระบาดจะยาวนาน แต่ไม่รู้ว่าจะนานไปถึงเมื่อใด  เพราะยังไม่มีวัคซีนรักษา จึงยังไม่สามารถตอบได้ว่าหากสถานการณ์ย่ำแย่มากไปกว่านี้จะส่งผลกระทบต่อยอดขายให้ลดลงเท่าใด เพราะขึ้นอยู่กับการแพร่ระบาดของโควิด-19 ว่าลึกและนานเท่าไหร่ รู้แต่ว่าช่วงเดือนมี.ค.เพียง 1 เดือนที่โควิดส่งผลกระทบมาก ทำให้รายได้ของเอสซีจีลดลงไปแล้ว 6% แม้ช่วงนี้บางตลาดของลูกค้า จะเริ่มกลับมาเปิดดำเนินงานได้บ้าง แต่ไม่รู้ว่าจำนวนผู้ป่วยจะเป็นอย่างไร เพราะกังวัลว่าการผ่อนคลายมาตรการป้องกันโรค บางส่วนจะทำให้เกิดการระบาดกลับมา อีกระลอกหรือไม่ ต้องติดตามอย่างใกล้ชิด”

                 สำหรับ ผลการดำเนินงานไตรมาส 1 เอสซีจี มีกำไรสำหรับงวด 6,971 ล้านบาท ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อน  40% และลดลงจากไตรมาสก่อน 2% ตามผลการดำเนินงานที่ลดลงของธุรกิจเคมิคอลส์ เนื่องจากส่วนต่างราคาสินค้าลดลง และมีรายได้จากการขาย 105,741 ล้านบาท ลดลง 6% เนื่องจากราคาขายของสินค้าเคมีภัณฑ์ลดลง ตามความต้องการสินค้าในตลาดโลกที่ลดลง แต่ใกล้เคียงกับไตรมาสก่อน