นายคมกฤช ตันตระวาณิชย์ เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (สำนักงาน กกพ.) ในฐานะโฆษก กกพ. เปิดเผยว่ากกพ.มีมติ ให้คงอัตราค่าไฟฟ้าผันแปร (ค่าเอฟที) สำหรับการเรียกเก็บเดือนพ.ค. – ส.ค. จำนวน -11.60 สตางค์ต่อหน่วย ส่งผลให้ค่าไฟฟ้าเฉลี่ยอยู่ที่ 3.64 บาทต่อหน่วย ต่ออีก 4 เดือน (ไม่รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม) เพื่อช่วยบรรเทาค่าครองชีพของประชาชนที่ได้รับผลกระทบทางเศรษฐกิจจากวิกฤตการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส โควิด 19 โดยคาดว่าจะใช้เงิน 5,120 ล้านบาท ในการบริหารจัดการเพื่อตรึงค่าเอฟที
“กกพ. ได้ประเมินสถานการณ์ผลกระทบโดยรวมของการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส โควิด 19 ที่ส่งผลให้ภาวะเศรษฐกิจโดยรวมทั้งในและต่างประเทศชะลอตัว โดยที่สถานการณ์ยังไม่คลี่คลายโดยเร็ว ดังนั้นเพื่อบรรเทาผลกระทบต่อค่าครองชีพของพี่น้องประชาชน จากการชะลอตัวทางเศรษฐกิจ จึงยังคงดำเนินการการบริหารจัดการเพื่อตรึงค่าเอฟทีต่อเนื่องอีก 4 เดือน”
สำหรับภาวะการณ์ในระยะ 4 เดือนที่เริ่มเข้าสู่ฤดูร้อน ซึ่งคาดว่าความต้องการใช้ไฟฟ้าจะเพิ่มสูงขึ้น สำหรับการผลิตไฟฟ้าเพื่อรองรับความต้องการใช้ไฟฟ้าดังกล่าวยังคงใช้ก๊าซธรรมชาติเป็นเชื้อเพลิงหลัก ซึ่งราคาเชื้อเพลิงในช่วงนี้มีแนวโน้มลดลง อาทิ ราคาก๊าซธรรมชาติที่ปรับตัวลดลงตามภาวะราคาน้ำมันในตลาดโลก แต่ การประมาณการค่าเอฟทีต้องนำภาระค่าใช้จ่ายที่เกิดจากส่วนต่างค่าเอฟทีประมาณการกับค่าเอฟทีที่เกิดขึ้นจริงมาพิจารณาเพิ่มเติมด้วย ซึ่งในครั้งนี้ภาระค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นดังกล่าวมาจากการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนที่มีปริมาณการผลิตเพิ่มขึ้นจากประมาณการไว้
ทั้งนี้เงินในการบริหารจัดการเอฟทีในงวดเดือน พ.ค. – ส.ค. นี้ จำนวน 5,120 ล้านบาท นำมาจากการกำกับฐานะการเงินของการไฟฟ้า ซึ่งเป็นไปตามเกณฑ์ที่ กกพ. กำหนด สำหรับปัจจัยในการพิจารณาค่าเอฟที ในงวดเดือน พ.ค. – ส.ค. นี้อาทิ
1. ความต้องการพลังงานไฟฟ้าเดือน พ.ค. – ส.ค. เท่ากับ 69,920 ล้านหน่วย ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากช่วงเดือน ม.ค. – เม.ย. ที่คาดว่าจะมีความต้องการพลังงานไฟฟ้าเท่ากับ 65,724 ล้านหน่วย หรือเพิ่มขึ้น 6.38% ตามความต้องการใช้ไฟฟ้าที่เพิ่มขึ้นในช่วงฤดูร้อน
2. สัดส่วนการใช้เชื้อเพลิงการผลิตไฟฟ้าในช่วงเดือน พ.ค. – ส.ค. ยังคงใช้ก๊าซธรรมชาติเป็นเชื้อเพลิงหลัก 58.34% ถ่านหิน 16.32% และการซื้อไฟฟ้าจากต่างประเทศ 16.20%
3. แนวโน้มราคาเชื้อเพลิงที่ใช้ในการผลิตไฟฟ้า คาดว่าราคาก๊าซธรรมชาติเท่ากับ 263.19 บาทต่อล้านบีทียู ปรับตัวลดลงจากงวดที่ผ่านมา 3.50 บาทต่อล้านบีทียู ราคาถ่านหินนำเข้าเฉลี่ยของโรงไฟฟ้าเอกชนอยู่ที่ 2,488.19 บาทต่อตัน ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากงวดที่ผ่านมา 16.59 บาทต่อตัน