ศูนย์วิจัยกสิกรไทยคาดจีดีพีไทยลดลง เหลือ 0.5% จากเดิมที่ 2.7% ใน 1-2 เดือนข้างหน้า แต่หากควบคุมได้ทั่วโลกสัญญาณจะดีขึ้นในไตรมาสสุดท้ายของปี เนื่องจากเป็นสถานการณ์ระดับโลก และขับเคลื่อนโดยกลไกของต่างประเทศจึงฟื้นตัวช้า


นางสาวณัฐพร ตรีรัตน์ศิริกุล ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บริษัท ศูนย์วิจัยกสิกรไทย จำกัด เปิดเผยว่า ภายใต้เงื่อนไขที่มองว่า สถานการณ์การระบาดของไวรัสโควิด-19 ในจีน สามารถควบคุมจำนวนการเพิ่มขึ้นของผู้ติดเชื้อได้ในระยะ 1-2 เดือนข้างหน้า สถานการณ์ในประเทศอื่น ๆ โดยเฉพาะประเทศอิตาลีและเกาหลีใต้สามารถควบคุมได้ในไตรมาส 2 และสถานการณ์ในไทย ยังไม่ปรากฎเหตุการณ์ที่จำนวนผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วในเวลาสั้น ๆ นั้น คาดว่าจะทำให้เห็นจีดีพีในปีนี้ขยายตัวเหลือ 0.5% จากประมาณการเดิมที่ 2.7%  อย่างไรก็ตาม แม้ดูเหมือนว่าตัวเลขนี้จะปรับลดค่อนข้างมาก แต่ก็เป็นการประเมินตามสถานการณ์ที่เปลี่ยนค่อนข้างเร็ว และหากการระบาดมีสัญญาณคลี่คลายลงภายในช่วงครึ่งปีแรกตามสมมติฐาน คงจะทำให้เห็นจีดีพีที่กลับมาเป็นบวกได้ในไตรมาส 4 ทั้งนี้ อยากย้ำว่าสถานการณ์รอบนี้ไม่เหมือนปี 2540 เนื่องจากรอบนี้เป็นเหตุการณ์รุนแรงที่เกิดจากปัจจัยภายนอก ขณะที่ปี 2540 มาจากปัญหากลไกเศรษฐกิจและภาคธุรกิจที่ไม่สมดุลซึ่งแก้ยากกว่าและฟื้นตัวได้ช้ากว่ามาก


ผลกระทบหนักสุดคงอยู่ที่ภาคการท่องเที่ยว ซึ่งคาดว่ารายได้ของนักท่องเที่ยวต่างชาติจะหายไป 4.1 แสนล้านบาท คิดเป็น 2.4% ของจีดีพี ขณะที่จำนวนนักท่องเที่ยวจะหายไป 8.3 ล้านคน หรือหดตัว -20.8% จากปีก่อนหน้า นอกจากนี้ ยังมีภาคการค้าระหว่างประเทศของไทยที่การส่งออกจะหดตัวลึกขึ้นเป็น -5.6% จากเดิมที่ประเมินไว้ที่ -1.0% เนื่องจากการแพร่ระบาดที่ขยายเป็นวงกว้างมากขึ้นส่งผลให้เศรษฐกิจโลกทรุด และความต้องการต่อสินค้าออกไทยลดลง ตลอดจนกระทบห่วงโซ่การผลิต โดยเฉพาะของจีนที่กระทบต่อเนื่องมายังภาคการผลิตของไทย ขณะเดียวกันการบริโภคและลงทุนในประเทศมีแนวโน้มชะลอตัวลงเช่นกัน เพราะผู้บริโภคหลีกเลี่ยงการใช้จ่ายและเดินทางออกนอกบ้าน อันทำให้ธุรกิจค้าปลีกไทยในปีนี้น่าจะได้รับผลกระทบไม่ต่ำกว่าแสนล้านบาท ทั้งหมดนี้ทำให้ต้องจับตาปัญหาสภาพคล่องของธุรกิจและสถานการณ์การจ้างงาน ซึ่งเป็นประเด็นเฉพาะหน้าที่ภาครัฐต้องเข้าไปดูแลเป็นลำดับแรก ๆ อีกทั้งยังต้องติดตามการเบิกจ่ายงบประมาณ รวมถึงความเป็นไปได้ที่จะออกงบประมาณเพิ่มเติมด้วย


ส่วนนโยบายการเงินนั้น คาดว่าผลกระทบที่จะทยอยปรากฏชัดเจนขึ้นผ่านโอกาสการหดตัวชั่วคราวของจีดีพีในไตรมาส 1 และไตรมาส 2 ของปี จะทำให้ ธปท.ปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายเพิ่มเติมอีกอย่างน้อย 0.25-0.50% ในระยะที่เหลือของปีนี้ ซึ่งจะตามมาด้วยการปรับลดอัตราดอกเบี้ยของธนาคารพาณิชย์ และแม้ทางเลือกการปรับลดอัตราดอกเบี้ยอาจไม่ใช่ยาวิเศษที่พลิกฟื้นกิจกรรมทางเศรษฐกิจได้อย่างรวดเร็วในจังหวะไม่ปกติเช่นนี้ แต่ก็คงช่วยบรรเทาภาระต้นทุนทางการเงินของภาคธุรกิจและครัวเรือนลงได้บางส่วน  สำหรับทิศทางเศรษฐกิจในช่วงครึ่งปีหลังนั้น คาดว่าหากสถานการณ์การระบาดของไวรัสฯ เป็นไปตามสมมติฐานคือเริ่มดีขึ้น อาจทำให้กิจกรรมทางเศรษฐกิจและจีดีพีกลับมาขยายตัวเป็นบวกอีกครั้ง

Tips & Healthy

...

เฟอร์นิเจอร์สำหรับผู้สูงอายุ ...

สายกรีนอย่าพลาด!! ...

ปลายเดือนที่ผ่านมา ...

กลุ่ม KTIS ...

กลุ่ม KTIS ร่วมกับมหาวิทยาลัยเจ้าพระยา ...

10 ...

วิธีดูแลผู้สูงอายุ ...

Banner_ad2
BannerR1
Banner_ad2
Template Settings
Select color sample for all parameters
Red Green Blue Gray
Background Color
Text Color
Google Font
Body Font-size
Body Font-family
Scroll to top