“ชีวิตผมไม่เคยมีเรื่องง่าย เจอเรื่องยากมาตลอด ชอบทำธุรกิจในเรื่องยากเพราะคู่แข่งน้อย มีมูลค่า จึงคิดราคาได้สูง และเมื่อเราเลือกทำเรื่องยากก่อนคนอื่นจึงเป็นผู้นำ”

ไกร วิมลเฉลา ประธานกรรมการบริหาร บริษัท สยามราชธานี จำกัด (มหาชน) เล่าแนวคิดการบริหารธุรกิจ ที่ช่วยสร้างธุรกิจสยามราชธานีให้มีกำไรต่อเนื่องมาตลอด 40 ปี เติบโตจากพนักงานหลักสิบได้รับผลตอบแทนจากธุรกิจแรกบริการดูแลภูมิทัศน์ หรือบริการดูแลออกแบบและจัดสวนหลักหมื่นเหลือกำไรหลังหักค่าใช้จ่ายหลักร้อยต่อเดือน ในปี 2524 สู่ธุรกิจรายได้ 1,850 ล้านบาท ณ สิ้นปี 2561 ในแต่ละวันจัดส่งพนักงานออกไปให้บริการในภาคส่วนต่างๆ กว่า 7,000 คน และกำลังจะก้าวสู่จุดเปลี่ยนสำคัญในนำบริษัทเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยว่า “มีที่มาจากแนวคิดทำเรื่องยากที่คนอื่นไม่ทำ”


เรื่องยากที่คนอื่นไม่ทำ แต่ไกรทำ เพราะชอบอะไรที่เป็นเรื่องยากๆ  และสามารถแปลงเรื่องยากให้เป็นโอกาส สร้างมูลค่าทางธุรกิจ ได้คือการขยายบริการและตลาดใหม่ๆ จาก “ ธุรกิจให้บริการจัดหาบุคลากรหรือ เอาท์ซอร์ส ” โดยยึดความต้องการของลูกค้ามาต่อยอดการให้บริการและขยายธุรกิจของบริษัท


ไกรเล่าย้อนไปถึงจุดเริ่มต้นการเข้าสู่ธุรกิจเอาท์ซอร์ส เริ่มจากเล็งเห็นว่าโลกธุรกิจแข่งขันกันสูง หนึ่งในวิธีลดต้นทุนค่าใช้จ่ายของภาคธุรกิจ รวมทั้งรัฐวิสาหกิจ และภาครัฐ คือการใช้บริการเอาท์ซอร์ส จึงเริ่มต้นธุรกิจแรกบริการดูแลภูมิทัศน์ ในปี 2524 และได้ขยายธุรกิจให้ครอบคลุมยิ่งขึ้นทั้งบริการบริหารจัดการแรงงานทั่วไป บริการบริหารจัดการพนักงานขับรถยนต์และพนักงานสำนักงาน
จากนั้นได้ต่อยอดการให้บริการและขยายธุรกิจสู่บริการรถยนต์ให้เช่า เพื่อสนองตอบความต้องการของกลุ่มลูกค้าเดิมในกลุ่มลูกค้าหน่วยงานราชการและรัฐวิสาหกิจ ที่ใช้บริการบริหารจัดการบุคลากรของบริษัท ไปพร้อมกับขยายบริการออกสู่บริษัทเอกชน รวมทั้งพัฒนาและขยายธุรกิจอย่างต่อเนื่องไปสู่ธุรกิจให้บริการบริหารจัดการงานบันทึกข้อมูล สแกนเอกสาร และจดหน่วยแจ้งหนี้ไฟฟ้าและประปา หลังได้รับความไว้วางใจจากหลายหน่วยงานทั้งภาครัฐและเอกชน


“ วิธีการทำให้ธุรกิจเติบโตของผมเกิดจากขยายตลาดใหม่ ดูว่าจะมีบริการใหม่ๆ ประเภทไหนที่จะซัพพอร์ตให้ได้บ้าง และต้องทำจนชำนาญในระดับหนึ่งจึงจะพัฒนาบริการใหม่ๆ เพื่อสนองตอบความต้องการของลูกค้า ”


ตัวอย่างลูกค้าที่ใช้บริการของบริษัท มีทั้งเอกชนรายใหญ่ เช่น บมจ.ปตท., บมจ.การบินไทย, ธนาคารไทยพาณิชย์, ออมสิน, บมจ.ท่าอากาศไทย, บมจ.ปูนซิเมนต์ไทย, บมจ.ไทยออยล์, บมจ. แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์, รพ.บำรุงราษฏร์ ,รพ.กรุงเทพ หรือบริษัทข้ามชาติอย่าง เชฟรอน, บริดสโตน, ชาแนล ไปจนถึงค่ายรถยนต์ยักษ์ใหญ่อย่าง โตโยต้า, ฮอนด้า, มิตซูบิชิ และนิสสัน เป็นต้น
ขณะที่หน่วยงานราชการและรัฐวิสาหกิจ เช่น  การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค การไฟฟ้านครหลวง กระทรวงอุตสาหกรรม กระทรวงวัฒนธรรม สำนักงานประกันสังคม โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน การประปาส่วนภูมิภาค เป็นต้น


“ไกร”บอกว่า แนวโน้มธุรกิจต่อไปข้างหน้าจะใช้ระบบไอทีเข้ามาซัพพอร์ตการทำงานให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น ซึ่งจะทำให้ลดต้นทุนควบคุมค่าใช้จ่าย ลดระยะเวลาและลดความผิดพลาด เพื่อให้ได้งานบริการที่มีศักยภาพเป็นที่พึงพอใจของลูกค้ามากยิ่งขึ้นและเป็นโอกาสในการขยายธุรกิจบริการให้มีความหลากหลายมากยิ่งขึ้น
“เราจะเลือกงานที่ยากไม่มีคนอื่นทำ แรงงานที่หายากๆ เราชอบ เพราะผู้ประกอบรายอื่นจัดหาให้ไม่ได้ แต่เราทำได้เพราะมีระบบฐานข้อมูล มีเครื่องมือทั้งออนไลน์และออฟไลน์ในการจัดหาแรงงาน และยังให้ความสำคัญกับทำมาร์เก็ตติ้งเพื่อจัดหาบุคลากร  ”


งานยากที่ไกรกล่าวถึงจะเกี่ยวข้องกับเรื่องการจัดหาบุคลากร ยกตัวอย่าง เช่นพนักงานขับรถ   ทางสยามราชธานี สามารถจัดหาพนักงานมาให้บริการได้ตามจำนวนและคุณภาพในเวลาที่ลูกค้าต้องการ เพราะมีระบบสรรหาที่มีประสิทธิภาพครบวงจร นอกจากนี้บริษัทยังมีศูนย์ฝึกอบรม “พนักงานขับรถมืออาชีพ”เป็นหลักสูตรที่ได้การรับรองมาตรฐานจากกรมฝีมือแรงงาน ซึ่งศูนย์ยังเป็นอีกช่องทางในการสรรหาพนักงานขับรถยนต์ อีกทางหนึ่งด้วย ทำให้บริษัทมีรายชื่อพนักงานขับรถยนต์สำรองเป็นจำนวนมาก


จากแนวคิดทำเรื่องยากที่คนอื่นไม่ทำ แล้วต่อยอดบริการเอาท์ซอร์ส โดยยึดความต้องการของลูกค้ามาขยายธุรกิจของบริษัท ปัจจุบันโครงสร้างธุรกิจสยามราชธานี จัดแบ่งออกเป็น 2 กลุ่ม ได้แก่ ธุรกิจให้บริการจัดหาบุคลากร (Outsourcing Services)  และธุรกิจให้เช่าและบริการ เน้นให้บริการลูกค้านิติบุคคลทั้งภาคเอกชน ราชการ และรัฐวิสาหกิจ รวมไปถึงกลุ่มลูกค้าบุคคลธรรมดา และมองเห็นถึงโอกาสทางธุรกิจขยายการใช้บริการต่างๆ ไปสู่บุคคลธรรมดามากยิ่งขึ้น อาทิ การบริการรถตู้บริการสำหรับผู้ใช้รถเข็นวีลแชร์ ภายใต้ชื่อ Mr.Journey การบริหารจัดการพนักงานขับรถยนต์ระยะสั้นภายใต้ชื่อ Drive4U ให้กับบุคคลทั่วไปและผู้บริหาร และการบริหารจัดการรับ-ส่งรถลูกค้า หรือ Valet Parking เป็นต้น


ในภาวะที่ธุรกิจมีการแข่งขันสูงกลยุทธ์ที่ทำให้สยามราชธานียืนหนึ่งในผู้นำธุรกิจเอาท์ซอร์ส ตลอดระยะเวลา 40 ปีที่ผ่านมายังเกิดจาก “ทำในสิ่งที่มีความแตกต่างจากคู่แข่ง”


 “ผมจะทำอะไร ที่คู่แข่งไม่ทำ หรือทำไม่ได้ ยกตัวอย่าง ธุรกิจบริการรถยนต์ให้เช่าซึ่งตลาดแข่งขันกันรุนแรงเราก็ไปทำรถเช่าดัดแปลงที่ผู้ประกอบรายอื่นไม่ทำ เช่น รถการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค
 จะไม่สู้ราคากับรายอื่น นี่คือนโยบายของเรา ให้ความสำคัญกับการบริการดีๆ ที่สามารถสนองตอบและสร้างความพึงพอใจให้กับลูกค้าที่มีความหลากหลาย ภายใต้แนวคิด “สยามราชธานีคือผู้ให้โซลูชั่นที่พลิกการดำเนินชีวิตและการทำธุรกิจให้เป็นเรื่องง่าย: Makes Life Simplifier ”   


สำหรับ “ไกร” เริ่มทำธุรกิจตั้งแต่ยังเป็นนิสิต ปี 3 คณะเศรษฐศาสตรมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ผ่านงานตั้งแต่เซลล์ ขายยางและอะไหล่รถยนต์ ก่อนจะขยับมาร่วมลงทุนกับเพื่อน ๆ ตั้งบริษัททัวร์นำเที่ยว  อีกสิ่งที่ได้เรียนรู้จากการทำธุรกิจคือต้อง “เตรียมพร้อมรับความเปลี่ยนแปลง”


“ไกร” บอกว่า ในยุค“Digital disruption" ที่เทคโนโลยีทำลายล้างธุรกิจดั้งเดิมที่ไม่มีการปรับตัว  ถือเป็นความท้าทายของหลายธุรกิจในปัจจุบัน รวมถึงธุรกิจเอาท์ซอร์สจะถูกรบกวนจากการนำเทคโนโลยีมาใช้ทดแทนแรงงานเพื่อลดต้นทุน


ทว่า“สยามราชธานี” โดย “ไกร” และทีมผู้บริหารมองเห็นตรงกันว่า นี่คือ “โอกาส” มากกว่าเป็นความเสี่ยงของธุรกิจ จึงเตรียมพร้อมรับมือการเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยีมาระยะหนึ่ง ด้วยการตั้งทีม Management Information System (MIS) และทีม Business Development ภายใต้การดูแลของสายงานไอทีเทคโนโลยี ตลอดจนการพัฒนาแพลตฟอร์ม เขียนซอฟแวร์ สร้างนวัตกรรม เพื่อนำมาใช้เป็นเครื่องมือในการบริหารจัดการภายในองค์กรและบริหารจัดการพนักงานที่ส่งออกไปให้บริการลูกค้า  ให้มีความสะดวก รวดเร็ว มีระบบการควบคุมตรวจสอบการทำงาน และบริการที่มีประสิทธิภาพ   

                        
อีกหนึ่งการเตรียมความพร้อมรับยุค“Digital disruption"  คือการนำบริษัทเข้าระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์ฯ “ไกร” มองว่าเป็นโอกาสทำให้บริษัทได้ยกระดับมาตรฐานขึ้นอีกขั้นในการเป็นบริษัทมหาชน  ที่มีความโปร่งใสเข้มแข็งและเปิดโอกาสให้พนักงานของสยามราชธานีและประชาชนทั่วไป มีส่วนร่วมเป็นผู้ถือหุ้น ตลอดจนปรับโครงสร้างองค์กรให้มีการบริหารจัดการแบบมืออาชีพ ซึ่งจะเป็นกลไกสำคัญในการขับเคลื่อนสยามราชธานีให้เติบโตได้อย่างยั่งยืน 


“ต้องปรับโครงสร้างการบริหาร เปลี่ยน Mindset เปลี่ยน Attitude ใหม่ ใช้การบริหารจัดการแบบมืออาชีพ เราต้องชิง disrupt ตัวเองก่อนเพื่อรองรับการเปลี่ยนแปลงทางด้านเทคโนโลยีที่พัฒนาไปเร็วและเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา” ไกร กล่าวทิ้งท้าย 

Tips & Healthy

...

เฟอร์นิเจอร์สำหรับผู้สูงอายุ ...

สายกรีนอย่าพลาด!! ...

ปลายเดือนที่ผ่านมา ...

กลุ่ม KTIS ...

กลุ่ม KTIS ร่วมกับมหาวิทยาลัยเจ้าพระยา ...

10 ...

วิธีดูแลผู้สูงอายุ ...

Banner_ad2
BannerR1
Banner_ad2
Template Settings
Select color sample for all parameters
Red Green Blue Gray
Background Color
Text Color
Google Font
Body Font-size
Body Font-family
Scroll to top