นอกจาก ลมฟ้า อากาศ ที่แต่ละคนต้องรีเช็คแต่ละวัน ว่า จะร้อนหรือเย็นไหม!!!!! ยังต้องมา รู้จักกับฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM 2.5 ที่ปกคลุมท้องฟ้าในกรุงเทพฯ และภาคเหนืออีก  และเมื่อเร็ว ๆ นี้ เอง รัฐบาลยกให้การแก้ปัญหาฝุ่น เป็นวาระแห่งชาติ พร้อมด้วยแผนปฏิบัติการขับเคลื่อนวาระแห่งชาติ "การแก้ไขปัญหามลพิษด้านฝุ่นละออง"


เห็นได้ว่า ตลอดสัปดาห์ หลังหยุดยาวปีใหม่ โรงงาน ธุรกิจเปิดกิจการ ฝุ่นละอองกลับมาปกคลุมท้องฟ้ามหานครอีกครั้ง ค่าฝุ่น PM 2.5 พุ่งพรวดพราดขึ้นมาอีก ทำให้รัฐบาลต้องออกมาตรการ ต่างๆ   ทั้งมาตรการในระยะเร่งด่วนหรือระยะวิกฤต เช่น การตรวจดักจับรถที่มีควันดำสูง ถี่ขึ้น การปรับเปลี่ยนการใช้นำมันเชื้อเพลิงของรถเมล์ ขสมก. ตั้งแต่เดือน ก.พ. ปีที่แล้ว และการขอความร่วมมือเอกชนผู้ก่อสร้างเส้นทางรถไฟฟ้าคืนผิวจราจรให้มากที่สุด


ทั้งนี้ในด้านภาคประกอบการ โดยกลุ่มปตท.  ได้เตรียมพร้อมนำแผนวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์เชื้อเพลิงฝุ่นละออง PM 2.5 โดยสถาบันการนวัตกรรม PTT  พร้อมศึกษาวิจัยเชื้อเพลิงมาอย่างต่อเนื่องมากว่า 20 ปี  โดยคุณวิทวัส สวัสดิ์-ชูโต ประธานเจ้าหน้าที่เทคโนโลยีและวิศวกรรม PTT กล่าวว่า กลุ่ม PTT มุ่งมั่นพัฒนาคุณภาพของผลิตภัณฑ์ และกระบวนการดำเนินธุรกิจอย่างต่อเนื่อง เพื่อดำเนินตามพันธกิจ การสร้างความมั่นคงทางพลังงาน ควบคู่กับการดูแลชุมชน สังคม และสิ่งแวดล้อม


สำหรับสถานการณ์ฝุ่นละออง PM 2.5 ที่เกิดขึ้นในขณะนี้ PTT ได้ดำเนินงาน ด้านการวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์เชื้อเพลิง โดยเฉพาะน้ำมันดีเซลหมุนเร็วที่มีส่วนผสมของไบโอดีเซล เนื่องจากไบโอดีเซลผลิตจากน้ำมันปาล์มบริสุทธิ์ ซึ่งถือเป็นเชื้อเพลิงที่สะอาด เผาไหม้สมบูรณ์  มีกำมะถันและสารอะโรเมติกส์ต่ำ ค่าซีเทนสูง และยังมีออกซิเจนเป็นองค์ประกอบ จากการทดสอบในห้องปฏิบัติการ พบว่า รถกระบะเครื่องยนต์ยูโร 4 ที่ใช้ B10 สามารถช่วยลด PM2.5 ได้ถึงร้อยละ 3.5  เมื่อเทียบกับการใช้ B7 



สถาบันนวัตกรรม ยังได้ร่วมมือกับภาคส่วนที่เกี่ยวข้องในการทดสอบการใช้ B10 และ B20 เพื่อสร้างความมั่นใจในการใช้งานจริง  สำหรับการปรับปรุงคุณภาพน้ำมันดีเซล ได้มีการพัฒนาและปรับปรุงโรงกลั่น เพื่อรองรับความต้องการใช้เชื้อเพลิงยูโร 5 คุณภาพสูงที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากขึ้นในอนาคต    กลุ่ม PTT  ยังได้กำหนดกระบวนการผลิตและกระบวนการปฏิบัติการให้ลดผลกระทบสิ่งแวดล้อมที่อาจเกิดขึ้น อาทิ การบริหารจัดการรถยนต์ของผู้รับเหมาในโครงการ ให้เพิ่มปริมาณขนส่งต่อเที่ยวรถ ให้มีการตรวจสภาพและบำรุงรักษาเครื่องยนต์ เป็นต้น  และด้านการดูแลสุขภาพพนักงาน PTT  ได้มีการติดตามสถานการณ์เป็นประจำทุกวัน และส่ง SMS ให้พนักงานได้รับทราบ โดยได้แจกหน้ากาก N95 เพื่อเป็นการป้องกันผลกระทบต่อสุขภาพ


นอกจากนี้ ยังมีการประกาศมาตรการ Work@Home อนุญาตให้พนักงานที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบ

ได้แก่ ปทุมธานี ชลบุรี กาญจนบุรี นครราชสีมา สระบุรี พระนครศรีอยุธยาฯ และกรุงเทพมหานคร สามารถทำงานที่บ้านเพื่อหลีกเลี่ยงการเผชิญปัญหามลภาวะดังกล่าว และร่วมบรรเทาปัญหามลภาวะฝุ่น PM 2.5 ในพื้นที่รอบสถานประกอบการอีกด้วย



สำหรับการรณรงค์ปลูกจิตสำนึกและสร้างการตระหนักรู้เรื่องการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม PTT ได้นำองค์ความรู้การปลูกป่า มาเป็นต้นแบบประยุกต์ใช้ในการเพิ่มพื้นที่สีเขียวในเมือง ตลอดจนส่งเสริมให้ประชาชนมีส่วนร่วมสร้างพื้นที่สีเขียว เกิดใจรักษ์ และหวงแหนทรัพยากรธรรมชาติผ่านแคมเปญ “ปลูกเพื่อเปลี่ยน” พร้อมร่วมมือกับกรุงเทพมหานคร และภาคีเครือข่าย ภายใต้ “โครงการ Green Bangkok 2030”



PTT มุ่งมั่นพัฒนานวัตกรรม ควบคู่กับการดูแลสิ่งแวดล้อม สอดคล้องกับการบริหารจัดการความยั่งยืน 3 ด้าน (3P) อย่างสมดุล ประกอบด้วย การทำธุรกิจควบคู่กับการดูแลชุมชนและสังคม (People) การอนุรักษ์รักษาทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (Planet) และเป็นฐานความมั่นคงให้แก่ภาคเศรษฐกิจและสังคมให้เติบโตอย่างแข็งแรงและยั่งยืน (Prosperity)


Tips & Healthy

...

เฟอร์นิเจอร์สำหรับผู้สูงอายุ ...

สายกรีนอย่าพลาด!! ...

ปลายเดือนที่ผ่านมา ...

กลุ่ม KTIS ...

กลุ่ม KTIS ร่วมกับมหาวิทยาลัยเจ้าพระยา ...

10 ...

วิธีดูแลผู้สูงอายุ ...

Banner_ad2
BannerR1
Banner_ad2
Template Settings
Select color sample for all parameters
Red Green Blue Gray
Background Color
Text Color
Google Font
Body Font-size
Body Font-family
Scroll to top