แนวโน้มพลังงานที่จะเห็นในปี 2020
Written by Arin P.![](/images/23026305.jpg)
พลังงานทดแทนและการเพิ่มประสิทธิภาพพลังงาน จะยังคงเป็นส่วนสำคัญของการผลิตและใช้พลังงานของประเทศ กระแสการลดการใช้เชื้อเพลิงฟอสซิลและลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกจะแพร่หลายมากขึ้นในอุตสาหกรรม Block chain และ Artificial Intelligence (AI) จะมีบทบาทมากขึ้นต่อรูปแบบนวัตกรรมของเทคโนโลยีพลังงาน รูปแบบการซื้อขายพลังงาน การผลักดันความเป็น Smart City จะมีส่วนในการกำหนดรูปแบบการผลิตและใช้พลังงานเช่นกัน
รวมถึงการใช้โชลาร์ และ เอเนอร์จี้ สตอร์เรจ (Energy Storage) ด้วยต้นทุนแผงโซลาร์ที่ถูกลงมากผนวกกับการพัฒนาและผลิตแบตเตอรี่สำหรับกักเก็บพลังงานกันอย่างจริงจัง
รวมถึงการใช้โชลาร์ และ เอเนอร์จี้ สตอร์เรจ (Energy Storage) ด้วยต้นทุนแผงโซลาร์ที่ถูกลงมากผนวกกับการพัฒนาและผลิตแบตเตอรี่สำหรับกักเก็บพลังงานกันอย่างจริงจัง ทำให้เกิดความเชื่อมั่นในการบริหารจัดการพลังงานทดแทนได้อย่างมีเสถียรภาพมากขึ้น การผลิตไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์จึงเป็นทางเลือกของอุตสาหกรรมและแม้แต่บ้านเรือนที่อยู่อาศัย ซึ่งในอนาคตการซื้อขายไฟฟ้าอาจจะมีอิสระมากขึ้น โดยทุกคนมีฐานะเป็น Prosumer คือผลิตไฟใช้เอง และอาจจะสามารถขายกันระหว่างบุคคลได้อีกด้วย ระบบ Energy Storage มีรูปแบบอื่นๆ เช่น ระบบผสมผสาน Solar/Hydro ของประเทศไทย ระบบก๊าซชีวภาพที่มีใช้ในประเทศเยอรมนีหรือออสเตรเลีย
Electric Vehicles ด้วยการทำงานของยานยนต์ไฟฟ้าไม่มีการปลดปล่อยมลพิษ จึงมีข้อดีในการช่วยลดปัญหาหมอกควันพิษในเมืองใหญ่ซึ่งมีประชากรอยู่หนาแน่น ปัจจุบันในหลายประเทศมีการพัฒนายานยนต์ไฟฟ้าให้สามารถตอบโจทย์ผู้บริโภคได้เหมือนยานยนต์ที่ใช้น้ำมันเป็นเชื้อเพลิง เช่น เดินทางได้ระยะทางไกลขึ้นต่อการชาร์จ 1 ครั้ง ราคาขายที่ถูกลง และในส่วนของการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน ได้แก่ สถานีชาร์จประจุที่กระจายทั่วถึง ระบบหัวชาร์จประจุแบบเร็ว
Digitization and Energy Big Data การเก็บและวิเคราะห์ข้อมูลพลังงานแบบดิจิทัลและอย่างถูกต้อง จะมีส่วนช่วยในการลดการใช้และเพิ่มประสิทธิภาพพลังงานได้อย่างดี ข้อมูลจะสามารถนำมาใช้ในการบริหารจัดการการผลิตและใช้พลังงานได้อย่างสมดุล สามารถลดการสูญเสียพลังงานได้ นอกจากนี้ การใช้ AI เข้ามาช่วยจะก้าวข้ามขีดจำกัดในการวิเคราะห์และสังเคราะห์ข้อมูล ทำนายแนวโน้มและเพิ่มศักยภาพของการควบคุมระบบพลังงานให้มีประสิทธิภาพดียิ่งขึ้น เช่น Supply Chain Digitization จะทำให้สามารถรับทราบข้อมูลได้ตลอดกระบวนการและใช้ระบบอัตโนมัติจัดการได้อย่างถูกต้องและแม่นยำ รวมทั้งลดต้นทุน AI ยังสามารถช่วยในการทำ Predictive Maintenance เพื่อลดการสูญเสียพลังงานและการหยุดดำเนินการอย่างฉับพลันของอุตสาหกรรมการผลิต ซึ่ง Smart Grid/Micro Grid แนวคิดของระบบผลิตพลังงานขนาดเล็ก ทั้งการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ โรงไฟฟ้าชีวมวลระดับชุมชน จะถูกบริหารจัดการในภาพรวมด้วยเทคโนโลยี Grid ที่ชาญฉลาดและรองรับการเปลี่ยนแปลงได้ดี (Flexible Grid) และด้วย Blockchain Network ที่ทำให้ทุกคนสามารถซื้อขายพลังงานกับผู้ผลิตหรือระหว่างกันเอง ณ เวลาที่เหมาะสม
นอกจากนั้นยังมีในเรื่องของ Smart City ด้วยการผลักดันของการพัฒนาเมืองอัจฉริยะซึ่งจะเป็นต้นแบบของการนำเทคโนโลยีดิจิทัล อินเทอร์เน็ตและ AI มาใช้ในการบริหารจัดการเมือง
นอกจากนั้นยังมีในเรื่องของ Smart City ด้วยการผลักดันของการพัฒนาเมืองอัจฉริยะซึ่งจะเป็นต้นแบบของการนำเทคโนโลยีดิจิทัล อินเทอร์เน็ตและ AI มาใช้ในการบริหารจัดการเมือง ทั้งทางด้านพลังงาน สิ่งแวดล้อม คุณภาพชีวิตความเป็นอยู่และอื่นๆ ซึ่งภาคเอกชนมีความตื่นตัวสูงในการพัฒนาและช่วยผลักดันอย่างมาก ขณะเดียวกันโรงไฟฟ้าขยะ จะเป็นอีกหนึ่งแหล่งพลังงานที่เพิ่มมากขึ้น ด้วยความจำเป็นในด้านการจัดการขยะชุมชนทั้งขยะใหม่และขยะเก่าอย่างมีประสิทธิภาพ และไม่ก่อให้เกิดมลพิษ โรงไฟฟ้าขยะจึงเป็นทางเลือกที่ตอบโจทย์ ในขณะที่การบริหารจัดการอย่างเต็มรูปแบบตามแนวนโยบาย Circular Economy ต้องใช้เวลาในการพัฒนากว่าจะเป็นรูปธรรม
ฉะนั้นจะทำให้ปฏิเสธไม่ได้เลยว่า เทคโนโลยีสมัยใหม่เหล่านี้ได้เริ่มเข้ามาทำให้อุตสาหกรรมต้องพัฒนาปรับตัวให้พร้อมต่อการเปลี่ยนแปลง เพราะจะเป็นปัจจัยต่อความสามารถในการแข่งขันสำหรับทั้งอุตสาหกรรมไฟฟ้าและอุตสาหกรรมการผลิต นอกจากนี้ การเข้ามาของเทคโนโลยีต่างๆ ควรจะต้องศึกษาอย่างรอบคอบถึงผลกระทบในด้านอื่นในระยะยาว เช่น ความต้องการการใช้ไฟฟ้าโดยรวมที่อาจจะเพิ่มขึ้นเมื่อประยุกต์ใช้ระบบดิจิทัล ผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมของการใช้ Solar PV