กลุ่มโรงกลั่นพร้อมลดราคาลง50สต./ลิตรหากรัฐปรับมาตรฐานใหม่
Written by Arin P.![](/images/bisinessintrend06036304.jpg)
กลุ่มโรงกลั่นน้ำมันส.อ.ท. ลั่นพร้อมลดราคาหน้าโรงกลั่นลง 50 สตางค์ต่อลิตรตามข้อเรียกร้องของภาคประชาชนแต่ต้องอยู่ภายใต้เงื่อนไขที่รัฐเองจะต้องปรับลดรายละเอียดมาตรฐานน้ำมันของไทยใหม่ให้น้อยลงกว่าเดิมเทียบเท่าสิงคโปร์
นายบัณฑิต ธรรมประจำจิต ประธานกลุ่มอุตสาหกรรมโรงกลั่นน้ำมันปิโตรเลียม สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยถึงกรณีที่คณะทำงานเพื่อพลังงานที่เป็นธรรมที่มีปลัดกระทรวงพลังงานเป็นประธานซึ่งมีตัวแทนจากภาคประชาชนมีข้อเสนอปรับโครงสร้างราคาหน้าโรงกลั่นจากค่าขนส่ง ค่าสำรองน้ำมันตามกฎหมาย ค่าปรับคุณภาพน้ำมันและค่าประกันภัยซึงสามารถนำมาสู่การลดราคาน้ำมันลงได้ 50 สตางค์ต่อลิตรว่า โรงกลั่นได้ชี้แจงให้กับคณะทำงานดังกล่าวแล้วว่าพร้อมที่จะดำเนินการหากกระทรวงพลังงานปรับลดมาตรฐานคุณภาพการผลิตน้ำมันของโรงกลั่นไทยลงเพื่อให้มีต้นทุนลดลงได้แต่กระทรวงพลังงานจะต้องปรับลดรายละเอียดด้านมาตรฐานลงให้เท่ากับโรงกลั่นที่สิงคโปร์
“ ปัจจุบันไทยและสิงคโปร์จะใช้มาตรฐานยูโร 4 เช่นเดียวกัน แต่ข้อกำหนดในรายละเอียดของไทยกำหนดมาตรฐานน้ำมันที่สูงกว่าสิงคโปร์ ส่งผลให้ต้นทุนแพงกว่า เช่น ค่าเบนซีน, ความดันไอ, อุณหภูมิการระเหย “นายบัณฑิตกล่าว
นอกจากนี้ ราคาที่คณะทำงานฯ นำมาพิจารณานั้นเป็นราคาอ้างอิงออกเทน 91 (MOB 91) ไม่ใช่ MOB 95 ซึ่งเป็นน้ำมันที่ซื้อขายปริมาณสูงในเอเชียและเป็นราคาอ้างอิงที่ใช้กัน โดย MOB 91 มีการซื้อขายน้อยมาก เป็นราคาประเมินเท่านั้น ดังนั้นเพื่อให้เกิดความเป็นธรรมต่อทุกฝ่ายอย่างแท้จริง ทางกลุ่มโรงกลั่นฯ จึงเสนอให้กระทรวงพลังงานตั้งคณะทำงานที่มีผู้เชี่ยวชาญมาพิจารณาปรับปรุงคุณภาพน้ำมัน กำหนดสเปกน้ำมันให้เหมาะสมกับประเทศไทย ว่าอะไรที่มีข้อกำหนดสูงเกินไป มีความจำเป็นจริงหรือไม่ และเมื่อไทยจะส่งเสริมเชื้อเพลิงชีวภาพ สเปกของโรงกลั่นฯ ที่เหมาะสมควรเป็นอย่างไร เมื่อสเปกลดลงต้นทุนก็จะลดลง ส่งผลให้ราคาหน้าโรงกลั่นก็จะสามารถปรับลดลงได้
โดยในเร็วๆ นี้กรมธุรกิจพลังงานจะเชิญกลุ่มโรงกลั่นฯ ในประเทศทั้ง 6 โรง คิดเป็นกำลังผลิตราว 1 ล้านบาร์เรล/วัน มาประชุมในเรื่องการกำหนดสเปกน้ำมันพื้นฐาน G-BASE ใหม่ สำหรับการส่งเสริมอี 20 เป็นน้ำมันหลักของกลุ่มเบนซิน และยกเลิกการจำหน่ายแก๊สโซฮอล์ 91 ซึ่งหากไม่กำหนด G-BASE ใหม่ก็คาดว่า ประเทศไทยจะต้องนำเข้า G-BASE 95 เพิ่มขึ้นและต้องส่งออก G-BASE 91 ซึ่งสร้างความไม่สมดุลของการผลิต จำหน่ายน้ำมันของประเทศ
ก่อนหน้านี้ นายชาญศิลป์ ตรีนุชกร ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ธุรกิจน้ำมันของไทยเป็นไปตามกลไกตลาดเสรี ดังนั้นการพิจารณาราคาหน้าโรงกลั่นฯต้องพิจารณาให้รอบด้านเพื่อความเป็นธรรม ที่ผ่านมากลุ่มโรงกลั่นฯ มีทั้งขาดทุนและกำไรตามภาวะเศรษฐกิจ โดยช่วงวิกฤตต้มยำกุ้ง วิกฤตแฮมเบอร์เกอร์ โรงกลั่นก็ขาดทุน ก็ไม่มีฝ่ายใดคำนึงถึง และที่สำคัญปัจจุบันนี้โรงกลั่นฯ มีกำลังกลั่นราว 9 แสนบาร์เรล/วัน คิดเป็นการกลั่นน้ำมันกลุ่มดีเซลและเบนซินราว 60 ล้านลิตรต่อวัน หากลดราคาลง 50 สตางค์/ลิตร ก็จะมีผลราว 30 ล้านบาท/วัน ซึ่งก็จะกระทบทั้งรายได้ของโรงกลั่น และกระทบต่อการจ่ายภาษีแก่ภาครัฐ