PWC เครือข่ายบริษัทที่ดำเนินธุรกิจใน 157 ประเทศ และมีบุคลากรกว่า 276,000 คนที่ทุ่มเทให้บริการด้านการประกันภัยการให้คำปรึกษา และภาษี ระบุผลสำรวจการก่ออาชญากรรมทางธุรกิจในช่วงที่ผ่านมา พบว่า อัตราการฉ้อโกงและอาชญากรรมทางเศรษฐกิจยังคงอยู่ในระดับสูงสุดขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งส่งผลกระทบต่อบริษัทต่างๆ กว่า 47 % รายงานว่าในช่วงสองปีที่ผ่านมามีการฉ้อโกง ซึ่งเป็นระดับสูงสุดเป็นอันดับสองในรอบ 20 ปี โดยการฉ้อโกงที่กระทำโดยลูกค้ามาเป็นอันดับหนึ่งในบรรดาอาชญากรรมทั้งหมด ซึ่งเพิ่มขึ้นจาก 29% เป็น 35% ในปี 2561

 

ขณะที่ผู้ประกอบธุรกิจระบุว่า การฉ้อโกงโดยลูกค้าและอาชญากรรมทางไซเบอร์สร้างความปั่นป่วนมากที่สุดในบรรดาอาชญากรรมทั้งหมด 39% แม้ว่าการฉ้อโกงที่กระทำโดยลูกค้ากำลังเพิ่มสูงขึ้น แต่ก็จัดเป็นหนึ่งในอาชญากรรมที่สามารถป้องกันได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุดด้วยการทุ่มเททรัพยากร การป้องกันที่แข็งแกร่ง และการใช้เทคโนโลยี  ทุกภูมิภาคทั่วโลกพบการฉ้อโกงโดยลูกค้าในช่วงสองปีที่ผ่านมา โดยในตะวันออกกลาง (47% จากเดิม 36%) และอเมริกาเหนือ (41% จากเดิม 32%) มีอัตราการเพิ่มขึ้นสูงสุด


สำหรับผลสำรวจการฉ้อโกงและอาชญากรรมทางเศรษฐกิจทั่วโลกครั้งนี้ มีผู้ตอบแบบสำรวจกว่า 5,000 ราย จาก 99 ประเทศ โดยเป็นการรวบรวมข้อมูลเชิงลึกจากบริษัทที่ประสบเหตุเฉลี่ย 6 ครั้งในช่วงสองปีที่ผ่านมา รายงานนี้นำเสนอข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับภัยคุกคาม มูลค่าความเสียหาย และสิ่งที่บริษัทต้องทำเพื่อยกระดับการตอบสนองเชิงรุกให้แข็งแกร่งขึ้น


รายงานนี้เน้นย้ำความสำคัญของการป้องกัน รวมถึงการลงทุนในทักษะและเทคโนโลยีที่เหมาะสมเพื่อสร้างความได้เปรียบ โดยองค์กรเกือบครึ่งตอบสนองต่ออาชญากรรมด้วยการควบคุมและยกระดับการควบคุม ซึ่ง 60% ระบุว่าองค์กรของตนมีพัฒนาการดีขึ้นในเรื่องนี้


อย่างไรก็ดี ผู้ตอบแบบสำรวจเกือบครึ่งหนึ่งไม่ตรวจสอบเหตุที่เกิดขึ้นเลย โดยมีเพียงหนึ่งในสามที่แจ้งเหตุอาชญากรรมต่อคณะกรรมการบริษัท และในบรรดาองค์กรที่มีการแจ้งเหตุ พบว่า 53% มีสถานะที่ดีขึ้น


"การฉ้อโกงและอาชญากรรมทางเศรษฐกิจเป็นการต่อสู้ที่ไม่มีวันจบสิ้น การจัดการกับรากเหง้าของปัญหาเป็นกุญแจสำคัญในการป้องกันและรับมือกับการฉ้อโกงในอนาคต การใช้เทคโนโลยี ขั้นตอนใหม่ ทักษะและการฝึกอบรม หรือทั้งหมดรวมกัน จะช่วยเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้กับธุรกิจโดยรวมเพื่อรับมือกับอาชญากรรม ซึ่งจะเป็นผลดีสำหรับลูกค้าในท้ายที่สุด” คริสติน ริเวรา หัวหน้าของ PwC Global Forensics กล่าว


ผู้กระทำความผิด: ใครคือคนโกง
การฉ้อโกงเกิดขึ้นกับบริษัทในทุกแง่มุม โดยผู้กระทำผิดอาจเป็นบุคคลภายใน บุคคลภายนอก หรือในหลายกรณีก็มีการสมรู้ร่วมคิดกัน

- ในช่วงสองปีที่ผ่านมา ผู้ตอบแบบสำรวจ 39% ระบุว่า บุคคลภายนอกเป็นสาเหตุหลักของการก่ออาชญากรรมทางเศรษฐกิจ
- ผู้ตอบแบบสำรวจหนึ่งในห้าระบุว่า คนขาย/ซัพพลายเออร์เป็นสาเหตุของการฉ้อโกงภายนอกที่สร้างความปั่นป่วนที่สุด
- ผู้ตอบแบบสำรวจ 13% ที่ประสบกับการฉ้อโกงในช่วงสองปีที่ผ่านมา รายงานความเสียหายกว่า 50 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
- การต่อต้านการผูกขาด การซื้อขายหลักทรัพย์โดยอาศัยข้อมูลวงใน การโกงภาษี การฟอกเงิน รวมถึงการติดสินบนและคอร์รัปชัน เป็นการฉ้อโกงที่สร้างความเสียหายโดยตรงสูงสุด 5 อันดับแรก โดยบางกรณีความเสียหายก็เพิ่มขึ้นอีกเนื่องจากค่าใช้จ่ายในการฟื้นฟูสูง

ลงมือและเตรียมพร้อม
เทคโนโลยีอาจเป็นเพียงคำตอบหนึ่งในการต่อสู้กับการฉ้อโกง แต่องค์กรกว่า 60% ที่ตอบแบบสำรวจก็เริ่มนำเทคโนโลยีที่ทันสมัย เช่น ปัญญาประดิษฐ์และแมชชีนเลิร์นนิง มาใช้ต่อสู้กับการฉ้อโกง การคอร์รัปชัน หรืออาชญากรรมทางเศรษฐกิจอื่น ๆ ทว่ายังมีความกังวลเกี่ยวกับค่าใช้จ่าย ความชำนาญที่ไม่มากพอ และทรัพยากรที่มีจำกัด ขณะที่ 28% ระบุว่าแทบมองไม่เห็นประโยชน์ของเทคโนโลยี


ในความเป็นจริงแล้ว การใช้เทคโนโลยีต่อสู้กับการฉ้อโกงมีประโยชน์อย่างแน่นอน แต่องค์กรต่าง ๆ ต้องยอมรับว่า การใช้เครื่องมือหรือเทคโนโลยีเพียงอย่างเดียวไม่สามารถต่อต้านการฉ้อโกงทั้งหมดได้


"การเก็บรวบรวมข้อมูลที่ถูกต้องเป็นเพียงขั้นตอนแรก แต่สิ่งที่จะทำให้บริษัทมีความได้เปรียบในการต่อสู้กับการฉ้อโกงก็คือการวิเคราะห์ข้อมูล บริษัทต่าง ๆ มักไม่เห็นคุณค่าของเทคโนโลยี เพราะไม่ได้ลงทุนในทักษะและความชำนาญที่เหมาะสมกับเทคโนโลยี” คริสติน ริเวรา หัวหน้าของ PwC Global Forensics กล่าว

Tips & Healthy

...

เฟอร์นิเจอร์สำหรับผู้สูงอายุ ...

สายกรีนอย่าพลาด!! ...

ปลายเดือนที่ผ่านมา ...

กลุ่ม KTIS ...

กลุ่ม KTIS ร่วมกับมหาวิทยาลัยเจ้าพระยา ...

10 ...

วิธีดูแลผู้สูงอายุ ...

Banner_ad2
BannerR1
Banner_ad2
Template Settings
Select color sample for all parameters
Red Green Blue Gray
Background Color
Text Color
Google Font
Body Font-size
Body Font-family
Scroll to top