หากใครได้แวะไปร้าน  ‘คาเฟ่อเมซอน’ (Café Amazon) สาขากรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ไม่ต้องแปลกใจที่คุณอาจได้พบกับพนักงานสูงวัยเข้ามาให้บริการ นั่นเป็นเพราะบริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด(มหาชน)หรือ OR (โออาร์) ได้สร้างโอกาสภายใต้โมเดลธุรกิจเพื่อสังคม Café Amazon for Chance  

     จากความสำเร็จของร้านCafé Amazon ที่มีมากกว่า 3,150 สาขาในปัจจุบันทั่วประเทศนำมาสู่ Café Amazon for Chance  ซึ่งนับเป็นสาขาพิเศษทีเกิดขึ้นภายใต้บริษัทสานพลังวิสาหกิจเพื่อสังคม จำกัด ที่มีเป้าหมายในการพัฒนาคุณภาพชีวิต และสร้างความเท่าเทียมในการดำรงชีวิตให้กับกลุ่มผู้ด้อยโอกาส  รวมถึงรองรับการก้าวสู่การเป็นสังคมผู้สูงอายุของประเทศไทยที่สัดส่วนประชากรอายุ 60 ปีขึ้นไปจะมีมากกว่า 10 %ของจำนวนประชากรทั้งหมดนำมาผ่านการจัดอบรมและฝึกฝนให้สามารถเรียนรู้และฝึกปฏิบัติการเป็นบาริสต้า (Barista) ตามมาตรฐานของ Café Amazon

    สำหรับ  Café Amazon for Chance ที่กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์นับเป็นสาขาที่  7 ในการเปิดดำเนินการและเป็นสาขาแรกที่โออาร์ดำเนินการเองและ เปิดโอกาสรับผู้สูงวัยหลังเกษียณอายุมาทำงานในร้านแห่งนี้  ส่วนงานที่เปิดรับนั้น มีทั้งเป็นผู้ชงกาแฟ หรือบาริสต้า และทำงานด้านอื่น ๆ โดยร้านนี้ถูกออกแบบอุปกรณ์ให้เหมาะสมกับการทำงานของผู้สูงวัย เช่น การออกแบบความสูงของชั้นวางวัตถุดิบให้เหมาะสมและปลอดภัยในการทำงาน , การใช้เครื่องชงกาแฟอัตโนมัติเพื่อเพิ่มความสะดวกและรักษารสชาติให้คงมาตรฐาน การจัดเตรียมอุปกรณ์ทางการแพทย์เพื่อรองรับเหตุฉุกเฉินที่อาจเกิดขึ้น เป็นต้น

       ปัจจุบัน Café Amazon for Chance เปิดให้บริการแล้ว จำนวน 7 สาขา ในกรุงเทพฯ จังหวัดสมุทรปราการ จังหวัดนครปฐม และจังหวัดชลบุรี ได้แก่  สาขาสำนักงานอธิการบดี มหาวิทยาลัยมหิดล ,สาขาคณะสิ่งแวดล้อมและทรัพยากรศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล, สาขาหอศิลป์ ณ บ้านเจ้าพระยา สาขา ,  สาขาสนามลู่ปั่นจักรยาน เจริญสุขมงคลจิต   สุวรรณภูมิ    , สาขา ปตท. สำนักงานใหญ่ , สาขาโรงพยาบาลแหลมฉบัง ซึ่งสาขาดังกล่าวดำเนินการโดยผู้พิการทางการได้ยินและกำไรจากร้านคาเฟ่ อเมซอนที่ดำเนินงานโดยผู้พิการทางการได้ยิน จะนำไปเป็นกองทุนในการพัฒนาอบรมและฝึกอาชีพให้แก่ผู้พิการต่อไป  

     “โออาร์ ได้ร่วมกับบริษัท สานพลัง วิสาหกิจเพื่อสังคม จำกัด จัดฝึกอบรมและพัฒนาทักษะการทำงานให้กับผู้พิการทางการได้ยินและผู้พิการทางการเรียนรู้ ให้เป็นบาริสต้า ซึ่งสาขากรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์เป็นสาขาแรกที่ โออาร์ ดำเนินการเอง โดยออกแบบอุปกรณ์ภายในร้าน ให้เหมาะสมกับการทำงานของผู้สูงวัย  และยังมีแผนขยายเพิ่มโดยเตรียมจะเปิดสาขาที่ 8 ที่สัตหีบ สำหรับกลุ่มทหารผ่านศึก ส่วนสาขาที่ 9 จะเปิดที่พื้นที่คณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) สำหรับผู้พิการทางหู ขณะที่สาขาที่ 10 จะเปิดบริเวณโรงเรียนสาธิตจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย สำหรับกลุ่มออทิสติก และสาขา 11 เปิดที่สถานีบริการน้ำมันขนาดกลาง คลอง 5 ณ สถานสงเคราะห์คนไร้ที่พึ่ง “ นายสุชาติ ระมาศ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ธุรกิจค้าปลีกโออาร์กล่าวถึงเป้าหมาย

    แผนงานดังกล่าวนับเป็นการสร้างโอกาสให้กับทุกภาคส่วนของสังคมไทยให้เกิดความเท่าเทียม มีอาชีพและรายได้ที่มั่นคงในการดำรงชีพ ซึ่งโออาร์พร้อมที่จะขยายสาขาอื่นๆในการรองรับสังคมสูงวัยเพิ่มเติมในอนาคต จึงนับเป็นโมเดลธุรกิจที่จะสร้างคุณค่าให้กับร้าน”กาแฟ”ของโออาร์ให้เป็นมากกว่า”กาแฟ” ดังนั้นเราจึงไม่ควรจะมองข้ามการสนับสนุนธุรกิจคนไทยด้วยกัน